รีวิว บริการวีดีโอคอลปรึกษานักกายภาพบำบัดออนไลน์ Offit

ครั้งนี้จะเป็นการรีวิวบริการปรึกษาเรื่องอาการปวดผ่านช่องทางออนไลน์แบบฟรีๆ ช่วง Covid-19 จากนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งเป็นบริการดีๆ จาก Offit บอกเลยว่าช่วยได้มากทีเดียว สำหรับคนที่มีอาการปวด มีประโยชน์มาก ยิ่งในยามที่ร้านนวดไทยปิดให้บริการแบบนี้ ขอแนะนำว่าช่องทางนี้ช่วยได้มากจริงๆ

จุดเริ่มต้นที่ใช้บริการนี้ คือเริ่มมาจากอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ที่เป็นอยู่เรื่อยๆ ตามประสามนุษย์ออฟฟิศนั่นเอง หากเป็นช่วงเวลาปกติก็จะเดินเข้าร้านนวดจองคิวแล้วนอนให้หมอกดจุดสบายๆ ผ่อนคลายอาการปวดเมื่อยได้ แต่ช่วงที่มีสถานการณ์ Covid-19 นี้ รัฐบาลมีคำสั่งเรื่อง Lockdown ตอบรับมาตรการ Social distancing ทำให้ร้านบริการนวดแผนไทยปิดหมด จะไปแอบใช้บริการที่ไหนก็ไม่ได้ เลยต้องดูแลตัวเองไปก่อน

ยิ่งช่วง Work from home แบบนี้ ยิ่งทำให้ปวดมากขึ้นไปอีก เพราะการนั่งที่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไร เก้าอี้ที่บ้านก็ไม่ค่อยอำนวยกับการนั่งนานๆ มากนัก ไม่เหมือนกับเก้าอี้ออฟฟิศ ทำให้อาการมันยิ่งออกรุนแรง และปวดเมื่อยแบบทรมาน เลยมานั่งค้นหาวิธีการบรรเทาอาการปวดด้วยตัวเอง เบื้องต้นก็พึ่งพาพวกยาทายี่ห้อต่างๆ ทั้งแบบครีมแบบแผ่นผสมๆ กันไป ผลลัพธ์ก็ดีขึ้นบ้างตามอาการ แต่ก็กลับมาปวดใหม่ อยากนวดมากแต่ร้านไม่เปิด เป็นเรื่องที่เศร้าใจมากจริงๆ

สุดท้ายเลยลองค้นหาคำว่ากายภาพบำบัดบรรเทาอาการนวด แล้วไปเจอกับบริการหนึ่งที่รู้สึกว่าน่าสนใจ ตอบโจทย์การกักตัวอยู่บ้านมากๆ มาในคอนเซปต์คล้ายๆ นวด From home ตอบโจทย์สุดๆ โดยบริการนี้ชื่อว่า Offit เป็นบริการปรึกษาฟรีผ่านออนไลน์ด้วยการ Video call ความน่าสนใจก็คือการได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง เพราะที่ปลายสาย Stand by ด้วยนักกายภาพบำบัด ที่มีความรู้ในเรื่องของกล้ามเนื้อ และอาการปวดเมื่อยต่างๆ เป็นอย่างดี รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดในรูปแบบต่างๆ และรู้ถึงวิธีการบำบัดรักษาที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตราย

ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ทำการศึกษารายละเอียดบริการต่างๆ เพื่อเข้ารับบริการ ที่สะดุดตามากๆ ก็คือคำว่าฟรีนี่แหละ โดยบริการของ Offit จะเปิดให้คำปรึกษาฟรีถึงวันที่ 31 พฤษภาคม หรือจนกว่าโรคระบาดจะหมดไปเลย เมื่อศึกษารายละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็เลยรู้ว่า จะต้องทำการจองคิวก่อนผ่าน Facebook ที่ใช้ชื่อว่า OFFIT เมื่อคลิกเข้าไปที่หน้าเพจแล้ว จะมีตารางเวลานัดหมายให้ทำการคลิกเลือกได้เลย ก็จิ้มๆ เลือกเวลาและวันที่ไป และด้วยความใจร้อนพวกกับอาการปวด ก็เลยเลือกเวลาที่เร็วที่สุด ที่สามารถนัดหมายได้ เมื่อจองคิวเสร็จก็รอการตอบกลับ ปรากฎว่าก็ได้รับการยืนยันในช่วงเวลานัดหมายที่เลือกไป

ถึงเวลานัดหมายในที่สุด ก็ทำการปรึกษากับทางนักกายภาพผ่าน Video call ซึ่งเป็นการรับคำปรึกษาแบบสดๆ เลย พูดคุยตามตอบได้เหมือนกับเวลาที่เราไปหาหมอนั่นแหละ ผิดกันตรงที่ครั้งนี้เป็นการถามจากบ้าน ไม่ต้องเดินทาง ไปต้องไปโรงพยาบาลให้มันเสี่ยง และช่วยลดภาระบุคลากรทางแพทย์ไปได้ในระดับนึงเลย

โดยระหว่างการสนทนา เราก็เล่าถึงอาการของเราให้นักกายภาพบำบัดฟังโดยละเอียด บอกเลยว่านักกายภาพพูดจาดีมาก สุภาพมาก และใจดีมากด้วย เราก็เล่าๆ ไป ทางฝั่งนักกายภาพก็ซักถามกลับมาถึงพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากความคาดหมาย ในเรื่องสาเหตุของอาการปวด ก็คือการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ นั่นเอง แต่ข้อมูลที่น่าสนใจที่ทางนักกายภาพบำบัดแนะนำมาก็คือท่านั่งของเรา ซึ่งนักกายภาพมีการสอบถามถึงท่านั่งโดยละเอียด รวมถึงระดับการวางแขน วางคอมพิวเตอร์ ความสูงโต๊ะและเก้าอี้แบบคร่าวๆ เอาที่กะๆ ได้ เราก็ให้ข้อมูลไปว่าเราใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค มีการก้มหน้าเล็กน้อยขณะทำงาน เพราะหน้าจอต่ำกว่าระดับสายตา ส่วนโต๊ะที่เราใช้ก็มีระดับความสูง ในระดับที่แขนของเราขณะพิมพ์คีบอร์ด ไม่ตั้งฉาก ทางนักกายภาพบำบัดก็ให้คำแนะนำว่าท่านั่งแบบนี้ไม่เหมาะ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดคอ บ่า และไหล่โดยตรงเลย ทางที่ดีคือต้องปรับท่านั่งให้เหมาะสมก่อน รวมถึงเก้าอี้ที่เราใช้ก็ไม่มีพนักพิง ซ้ำอาการปวดให้ยิ่งกำเริบขึ้นไปอีก

โดยทางนักกายภาพบำบัดแนะนำว่า ไม่ควรใช้โต๊ะที่สูงเกินไป แต่ควรใช้โต๊ะที่ต่ำลงกว่าเดิม เพื่อให้แขนอยู่ในท่าตั้งฉาก ส่วนในเรื่องของระดับสายตา ทางที่ดีก็ควรมีหน้าจอแยกต่างหากจากโน๊ตบุ๊ค แล้วตั้งหน้าจอในระดับที่พอดีกับสายตา แต่ถ้าหากไม่สามารถทำได้ก็ควรใช้อุปกรณ์เสริมช่วย เช่น แท่นวางโน๊ตบุ๊ตให้หน้าจอสูงขึ้นในระดับสายตา ขณะที่แป้นพิมพ์ก็ไม่อยู่สูงเกินไป จะช่วยให้อาการปวดบรรเทาลงได้ หากเปลี่ยนท่านั่ง หรือจะซื้อแป้นพิมพ์เสริมก็ได้ แล้วตั้งโน๊ตบุ๊คให้อยู่ในระดับสายตา แล้ววางแป้นพิมพ์เสริมต่ำลงให้แขนตั้งฉากขณะพิมพ์ ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน แต่เราตัดสินใจซื้อแค่แป้นวางโน๊ตบุ๊ค ในการแก้ปัญหาครั้งนี้

นอกจากนั้นนักกายภาพบำบัดยังแนะนำท่าบริหารให้ด้วย เพื่อคลายปวดเมื่อยที่บริเวณคอ บ่า ไหล่โดยเฉพาะ ซึ่งท่าบริหารเหล่านั้นก็เป็นท่าง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ บางท่าคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะช่วยได้ แต่พอหลังจากรับคำปรึกษามาแล้วทำตาม ปรากฏว่าช่วยได้จริง หลังจากได้รับข้อมูลจากนักกายภาพบำบัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาทำตามทุกอย่าง

เริ่มตั้งแต่การปรับท่านั่ง แล้วบริหารร่างกายตาม ช่วงเริ่มต้นทำไปก็ไม่เห็นผลหรอก แต่ก็พยายามทำตามอย่างต่อเนื่อง พยายามมีวินัยกับตัวเอง เพราะทางนักกายภาพบำบัดบอกว่า การบริหารต้องทำอย่างต่อเนื่อง หากจะให้ได้ผลจริง จึงทำตามอย่างเคร่งครัด ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็รู้สึกว่าอาการปวดที่จุดเดิมๆ บางจุด ลดน้อยลง รู้สึกสบายตัวขึ้น รู้สึกเครียดน้อยลงด้วย ต้องขอบคุณคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัด Offit จริงๆ ที่ช่วยให้คำแนะนำแบบละเอียด และตรงตามอาการ

นับเป็นบริการที่มีประโยชน์มากจริงๆ และอยากแนะนำให้คนที่มีปัญหาเรื่องอาการปวดเมื่อยในช่วงเวลานี้ได้ลองใช้บริการดู เราว่ามันดีมาก ไม่ทำให้เราหลงผิดไปบริหารท่าทางแบบผิดๆ บางท่าอาจเป็นอันตราย ซ้ำร้ายยังอาจทำให้อาการกำเริบหนัก ถ้าหากทำไปโดยไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้องจากนักเชี่ยวชาญจริงๆ สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปในหน้าเพจที่ชื่อ OFFIT ได้เลย